แชร์นวัตกรรมฟื้นฟูผิวหน้า
ไฮดราเฟเชียล (HydraFacial) เป็นนวัตกรรมฟื้นฟูผิวหน้าด้วยโมเลกุลของน้ำ (H2O) ซึ่งช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณดูอ่อนเยาว์ ขาว ใส ไร้ริ้วรอย ซึ่งขั้นตอนในการทำไฮดราเฟเชียลนั้นมีอยู่ด้วยกันเพียง 3 ขั้นตอน ใช้เวลาทำไม่นาน แถมยังให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำเสร็จ คุณจึงสามารถกลับมาทำงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้ทันที วันนี้ได้นำเรื่องนี้มาฝากคุณแล้ว
ทำความรู้จักกับ ไฮดราเฟเชียล
ไฮดราเฟเชียล (HydraFacial) คือ การรักษาผิวที่มีสิทธิบัตรเฉพาะในสปาทางการแพทย์และสำนักงานโรคผิวหนัง บางครั้งเรียกว่า “Hydradermabrasion” เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการขัดผิวแบบไมโครเดอมาเบรชั่น (Microdermabrasion) ที่จับคู่กับเซรั่มที่ให้ความชุ่มชื้น
HydraFacial มีกระบวนการ 3 ขั้นตอน เพื่อทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก ผลัดเซลล์ผิว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวของคุณ ขั้นตอนเหล่านี้อาจช่วยรักษาสภาพผิวที่หลากหลาย รวมถึงสิว ความแห้งกร้าน และริ้วรอย ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะคล้ายคลึงกับการดูแลผิวหน้าตามปกติที่คุณอาจได้รับจากการทำสปา แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจจะน่าทึ่งกว่า
ขั้นตอนในการทำไฮดราเฟเชียล (HydraFacial)
การทำ HydraFacial จะทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความงามที่มีใบอนุญาตหรือเป็นแพทย์ผิวหนัง ซึ่งขั้นตอนในการทำ HydraFacial มีอยู่ 3 ขั้นตอนด้วยกัน ดังนี้
ผู้ให้บริการจะล้างสิ่งสกปรก เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และน้ำมันส่วนเกินออกจากรูขุมขนและผิวหนังด้วยเครื่องมือที่มีหัวดูดและปล่อยน้ำเหมือนกระแสน้ำวน
ผู้ให้บริการจะใช้น้ำยาผลัดเซลล์ผิวมาทาบนใบหน้า และใช้เครื่องเพื่อผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูสภาพผิว จากนั้นจึงใช้หัวดูดสุญญากาศดูดสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนของคุณอีกครั้ง
หลังทำความสะอาดและผลัดเซลล์ผิวเสร็จแล้ว ผู้ให้บริการจะทาเซรั่มที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ
หลังจากทำไฮดราเฟเชียลแล้ว คุณยังสามารถดูแลผิวด้วยวิธีการอื่น ๆ ควบคู่ไปได้ด้วย เช่น ฟิลเลอร์ผิวหนัง บำบัดด้วยแสง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแค่ตัวช่วยเสริมเท่านั้น ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการทำไฮดราเฟเชียล
ประโยชน์ของ ไฮดราเฟเชียล (HydraFacial)
HydraFacial ได้รับการกล่าวขานว่า ช่วยปรับปรุงสภาพผิว โทนสีผิว และลักษณะผิวโดยรวม ซึ่งทั้งหมดเกิดจากการขัดผิวอย่างล้ำลึก ซึ่งเป็นการทำความสะอาดรูขุมขน ขจัดสิ่งสกปรกออก และใช้เซรั่มที่เหมาะสมกับสภาพผิวในการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนั้น ไฮดราเฟเชียลยังมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ อีก ดังนี้
ไฮดราเฟเชียลสำหรับสิว
ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาทางคลีนิกที่เน้นถึงประโยชน์ของไฮดราเฟเชียลสำหรับสิว อย่างไรก็ตาม เทคนิคไมโครเดอมาเบรชั่น (Microdermabrasion) ได้รับการพิจารณาแล้วว่า มีประสิทธิภาพในการรักษาทั้งสิวและรอยแผลเป็นจากสิว ซึ่งอาจเกิดจากการขัดผิวอย่าวล้ำลึก ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่อุดตันรูขุมขน
ไฮดราเฟเชียลสำหรับสิวหัวดำ
เซลล์ผิวที่ตายแล้วมีส่วนทำให้เกิดสิวหัวดำ สิวชนิดนี้จะไม่อักเสบหากได้รับประโยชน์จากวิธีการขัดผิวและกำจัดสิวแบบเดียวกับที่ใช้ในการทำ HydraFacial แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประโยชน์เหล่านี้โดยตรง
ไฮดราเฟเชียลสำหรับโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea)
การหาเครื่องสำอางที่ปลอดภัยเพียงพอสำหรับสภาพผิวที่บอบบางเป็นเรื่องค่อนข้างยาก แต่หากคุณมีปัญหาผิวหนังอย่างโรคโรซาเซียที่ทำให้ผิวบอบบาง การทำไฮดราเฟเชียลอาจช่วยคุณได้ เพราะผลการวิจัยชิ้นหนึ่งจากแหล่งที่เชื่อถือได้เมื่อปี 2006 ระบุว่า เทคนิคที่คล้ายคลึงกันอาจเป็นประโยชน์ต่ออาการหน้าแดงตลอดเวลา (Papulopustular Rosacea) แต่ก็ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ถึงความปลอดภัยและประสิทธิผลของ HydraFacial สำหรับโรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) ต่อไป
ไฮดราเฟเชียลสำหรับปัญหาการต้านริ้วรอย
การศึกษาขนาดเล็กในปี 2008 ที่มีกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิง 20 คน พบว่า ผู้ที่รับการรักษาด้วย HydraFacial มีสัญญาณของริ้วรอยที่ผิวหนังลดลง เมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้เซรั่มเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ รูขุมขนยังดูเล็กลง รอยดำน้อยลงด้วย
หลังทำไฮดราเฟเชียล (HydraFacial) ควรดูแลตัวเองอย่างไร
ไฮดราเฟเชียลแต่ละขั้นตอนใช้เวลาทำน้อยมาก รวมทุกขั้นตอนใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง และคุณสามารถกลับมาทำกิจกรรมได้ตามปกติทันที ไม่จำเป็นต้องหยุดงานเพื่อพักฟื้นแต่อย่างใด แตกต่างจากขั้นตอนที่รุนแรงกว่า เช่น การลอกผิวด้วยสารเคมี อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะไม่พบรอยแดงหรือผิวลอกหลังทำ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากการทำไฮดราเฟเชียล เพื่อไม่ให้ผิวถูกรบกวนมากจนเกินไป
ทำความรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มวอลลุ่มใต้เปลือกตา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้บ่อยที่สุดในการกำจัดรอยใต้ตาก็คือ ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกรดไฮยาลูโรนิก แม้ว่าอาจจะใช้ส่วนผสมอื่น ๆ ด้วยก็ตาม กรดไฮยาลูโรนิกเป็นสารคล้ายเจลที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง กรดไฮยาลูโรนิกจะเพิ่มความแน่นและลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาปลอดภัยหรือไม่
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย ทั้งยังมีร่องรอยน้อยกว่าการผ่าตัดเอาถุงใต้ตาออกอีกด้วย ซึ่งรวมไปถึงการปลูกถ่ายไขมันและการเปลี่ยนตำแหน่งไขมัน ผลลัพธ์ของ การฉีดฟิลเลอร์ นั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ซึ่งส่วนมากจะมีอายุประมาณ 1 ปีเท่านั้น ดังนั้น คุณจะต้องเข้ารับ การฉีดฟิลเลอร์ ซ้ำหลายครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ในระยะยาว บางครั้ง การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก็สามารถทำไปพร้อมกับขั้นตอนอื่น ๆ ได้ เช่น
ฉีดโบท็อกซ์
การผลัดผิวด้วยเลเซอร์
การปลูกถ่ายไขมัน
การเปลี่ยนตำแหน่งไขมัน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใครบ้าง
ผู้ที่เหมาะสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ได้แก่
ผู้ที่ใต้ตาหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
ผู้ที่มีผิวที่แข็งแรงและหนา
ผู้ที่เข้าใจว่า การรฉีดฟิลเลอร์ มีผลเพียงชั่วคราว
ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
แต่ถ้าคุณมีคุณสมบัติเหล่านี้ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจจะไม่เหมาะสมสำหรับคุณก็ได้
ผู้ที่มีผิวบอบบาง
ผู้ที่มีผิวหนังส่วนเกินใต้ดวงตา
ผู้ที่มีร่องใต้ตาลึกมาก
ผู้ที่มีไขมันปูดใต้ตา
ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังในบริเวณใต้ตา
ผู้ที่มีอาการป่วยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน
ขั้นตอน การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจะประเมินเปลือกตาล่างของคุณ และตรวจสอบพื้นผิวและความหนาของผิวของคุณด้วย คุณหมอจะกำหนดชนิดของฟิลเลอร์ผิวหนังที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ จากนั้นจึงเริ่มฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้คุณ โดยขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้
คุณหมอจะฆ่าเชื้อที่ผิวหนัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอาจมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือวางก้อนน้ำแข็งไว้ที่เปลือกตาล่างของคุณ เพื่อทำให้บริเวณนั้นชาจนคุณรู้สึกเจ็บน้อยลง และลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำ
คุณหมอจะเตรียมเข็มฉีดยาที่มีฟิลเลอร์ ซึ่งเข็มฉีดยาจะทื่อหรือแหลมนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกของคุณหมอ จากนั้นคุณหมอจะทำ การฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปในผิวหนังใต้เปลือกตาล่างของคุณ
ขณะที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเรียบร้อยแล้ว คุณหมอจะค่อย ๆ ถอนเข็มออก นวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีด เพื่อกระจายฟิลเลอร์ และจะทำขั้นตอนทั้งหมดซ้ำอีกครั้งกับใต้เปลือกตาอีกข้าง